in

คงจะยากถ้าจะให้ผมเกลียด “คริสเตียนโน่”


คงจะยากถ้าจะให้ผมเกลียด “คริสเตียนโน่”

ก่อนอื่นต้องเรียนทุกท่านก่อนว่านี่เป็นความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆ โปรดให้เกียรตื์กันและอ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้น เพราะไฟพี่โด้ช่วงนี้มันระอุสะเหลือเกิน …

ช่วงนี้คริสเตียนโน่และแมนยูฯต่างเฉีอนคำพูดกันอย่างหนักในปัญหาระหว่างตัวเขาและสโมสร ผมได้อ่านข้อความมากมายของแฟนแมนยูไนเต็ดและแฟนบอลทั่วโลกบางส่วนที่วิจารณ์เขาอย่างรุนแรง วันนี้ผมอยากเขียนบทความสั้นๆเหมือนรู้สึกอยากจะบอกอะไรบางอย่างกับหลายๆคนเผื่อจะเข้าใจมุมมองของผมต่อพี่โด้มากขึ้นไม่มากก็น้อย

เกลียดไม่ลงจริงๆ
1.ผมขอสารภาพตามตรงว่าคริสเตียนโน่เป็นสุดยอดแรงบัลดาลใจของผมในการขับเคลื่อนชีวิตเป็นอย่างมาก ผมมักนำหลายๆอย่างของเขามาปรับใช้ในชีวิต อาทิ ความอดทน ความมั่นใจ การมองข้ามอุปสรรค์และความกลัว สุดท้ายความทะเยอทะยาน สิ่งเหล่านี้ขอคิดว่าทุกคนมีสิทธิคิดได้แต่ยากมากที่จะทำได้ในระยะนานๆอย่างอาชีพนักฟุตบอล ฟังเหมือนง่ายไหมละแต่ผมอยากให้คุณกลับไปอ่านใหม่ดู ผมนำหลายอย่างมาปรับใช้ในชีวิตจริงๆครับ บางครั้งผมรู้สึกไร้ความอดทนหรือไม่มีความมั่นใจภาพคริสเตียนโน่มักกระเด็นเข้ามาในจิตใต้สำนึกผมเสมอ คงด้วยความที่ผมเห็นเขามาเนิ่นนานในการแสดงความสามารถข้างต้นมาโดยตลอด ผมแค่จำลองสถานการณ์ที่แย่ๆตรงหน้าในชีวิตให้เหมือนดั่งคริสเตียนโน่กำลังเผชิญ ผมจะมั่นใจขึ้นและจิตนาการณ์ต่อว่าผมจะดีใจให้สุดพลังหลังจากที่สิ่งเลวร้ายนั้นเงียบหายไป (ปัญหา)

ผมอยากยกตัวอย่างง่ายๆที่เพื่อนๆอาจเห็นภาพ ฤดูกาล 2013 เขาได้รับบาลงดอร์ (เป็นรางวัลที่มอบให้แก่นักฟุตบอลที่มีผลงานยอดเยี่ยมที่สุดในรอบปี) คริสเตียนโน่อดทนอย่างมากในการเฝ้ารอรางวัลนี้อีกครั้งหลัง ลิโอเนล เมสซี่ คว้ามา 4 ปีซ้อน 2009/10/11/12 ซึ่งเขาก็เคยได้มันในปี 2008 สมัยอายุราวๆ 22 ได้มั้งกำลังห้าวสุดๆกับแมนยูไนเต็ดและก่อนจะมาถึงเขาในปี 2013 เขาร้องไห้ที่งานพิธีมอบรางวัลที่นั่น ผมจำไม่ได้ว่าที่ประเทศไหน (ขำ) และถัดมาอีกปี 2014 เขาได้มันอีกใบและพูดถึงการทำงานหนักและความอดทนแล้วอดทนเล่า และสุดท้ายก็ดีใจมันแสดงมา Siuuuuu นั่นคือความรู้สึกของความอดทนรอแล้วมันสำเร็จมันได้ระเบิดออกมาไงละ ..

2.เขารักเขาเพราะผมรักฟุตบอล
ผมคิดว่าทุกคนที่รักฟุตบอลจะชื่นชอบในประวัติศาสตร์ของมันด้วย ใช่!!ผมเป็นแฟนลิเวอร์พูล แต่ผมก็ชอบประวัติศาสตร์ฟุตบอลเอามากๆ มีนักเตะมากมายและเรื่องราวหรือสไตล์ของแต่ละคนสนุกไม่เหมือนกัน มันเหมือนดูภาพยนตร์ในชีวิตจริงเลย คริสเตียนโน่แสดงมันออกมามากมายตั้งแต่ก้าวแรกที่ อเล็ก เฟอร์กูสัน (โค้ชฟุตบอลที่ผมชอบที่สุดเทียบเท่า เจอร์เก้น คล็อปป์) ดึงร่วมทีมในปี 2003 คริสเตียนโน่ โชว์ให้เห็นบนเวทีฟุตบอลระดับสูงมาอย่างเนินนาน ด้วยลีลาการเล่นฟุตบอลทั้งยิงประตูและครองบอลที่เร้าใจวัยรุ่นยุค 00s ถึงปัจจุบันเหลือเกิน
(ส่วนตัวผมมองเขาเป็น Ferrari แห่งโลกฟุตบอลเลยวะเท่ห์จัด) คริสเตียนโน่ได้บันทึกประวัติศาสตร์ลูกหนังด้วยลำแข้งของเขาไว้แล้วเพื่อนๆลองคิดกันเอาดูเพราะมันเยอะมากๆจริงๆ ผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆหรือโดยทั่วๆไปในเวทีฟุตบอลระโลก การได้เห็นได้เสพได้มีความสุขกับช่วงเวลาเหล่านั้นช่างมหัศจรรย์ ผมก็ลองจิตนาการณ์ดูนะผมชื่นชอบ มาราโดน่า มากๆ หากมีเครื่องไทม์แมชชีน (เครื่องย้อนเวลาในสิ่งสมมุติ) ย้อนไปได้ ผมคงได้เสพ ดิเอโก้ มาราโดน่า ที่ดั่งตอนนี้คนทั้งโลกยกให้เป็นพระเจ้าแห่งโลกฟุตบอลร่วมถึงผมๆคงจะโคตรมีความสุขเลย แต่ก็นะมันต่างกันกับคริสเตียนโน่ ไม่ได้รับบทบาทพระเจ้าแต่ได้รับบทบาทเท่ห์ๆแบดๆสุขุมและแข็งแกร่ง มันก็เป็นอีกหนึ่งตัวละครในชีวิตจริงเหมือนในหนังไหมละเพื่อนๆ

3.ร่างกายและสุขภาพ
ผมเป็นคนที่ผอมแห้งมาก่อน โดนล่อ “ไอ้ขี้ก้าง” บ่อยมากและโดนทักว่าทำไมผอมจังตั้งแต่เด็กจนชินหูไปแล้วลึกๆก็ไม่ได้อยากให้เป็นแบบนั้น การมีกล้ามเนื้อเป็นมัดๆคงยากเกินไปสำหรับคนผอมแห้งอย่างผม แต่ผมโชคดีที่ชอบเตะฟุตบอลและออกกำลังกาย เลยอาจมีความอดทนในการเล่นเวทเทรนนิ่งอยู่บ้าง ครั้งนึงผมเตะฟุตบอลจนเอ็นไขว้หน้าหัวเข่าฉีกขาดหรือ ACL นั่นแหละ ระหว่างที่ผมรอผ่าตัดแน่นอนผมเตะฟุตบอลไม่ได้และผมเป็นคนชอบออกกำลังอยู่บ่อยมาก ผมลองมาศึกษาการเล่นฟิตเนสแบบหลักสูตรการสร้างกล้ามเนื้อจากคนผอมแห้งสูตรหุ่นนายแบบ ใช่ครับผมทำมันสำเร็จในระดับที่พอใจมากๆ แต่ไม่ใช่หุ่นนายแบบเหมือนโจทย์ในตอนแรกนะครับ ผมสลัดความผอมแห้งขี้ก้างออกไป และได้หุ่นใหม่เข้ามาทดแทน ได้มัดกล้ามเนื้อที่มากขึ้น บุคคลิก
เปลี่ยนเป็นคนละคน แน่นอนครับคริสเตียนโน่ เป็นหนึ่งในแรงบัลดาลใจสำคัญในการเวทเทรนนิ่งและออกกำลังกาย ผมศึกษาการออกกำลังกายและดูแลร่างกายของเขา (คริสเตียนโน่) มันทำให้ผมเชื่อในสิ่งที่เขาทำ และผมนำความรู้สึกน้นมากปรับใช้มัน เอาละหากเข้าเรื่องอาชีพนักกีฬาเขานั้นแหละที่ดูแลร่างกายและกระหายในการแข่งขันมากๆ นักฟุตบอลไม่เหมือนนักกอล์ฟ เทนนิส สนุกเกอร์ หรืออย่างใดที่สามารถเล่นได้ยาวๆ ดังนั้นพี่โด้แกเลือกมาเส้นทางลูกหนังตั้งแต่เล็กๆแล้วไม่มีทางเลือกจะเปลี่ยนสาย ต้องยืนระยะนักฟุตบอลระดับท็อปให้ได้นานที่สุดสภาพร่างกายคือสิ่งที่สำคัญมากๆในอาชีพนี้ ยิ่งอายุมากยิ่งเชื่องช้า แต่พี่โด้ก็ทำให้เห็นแล้วว่าก็ผมพัฒนาอยู่ตลอด ผมมั่นใจ แม้ตอนนี้อาจจะช้าไปมากๆกว่าเมื่อก่อนก็จริงแต่โดยรวมผมมองว่ายากมากกว่าจะมาถึงตรงนี้ได้อะนะ 1 คำที่ผมชอบมากๆของเขาในการออกกำลังกายและค้าแข็งควบคู่ไปด้วยกันคือ “Talent without working hard is nothing” ซึ่งแปลว่า “พรสวรรค์ที่ไม่ถูกทำงานอย่างหนัก แม่งก็ไม่มีความหมายอะไร” สิ่งนี้ทำให้ผมชอบมันมากๆ พรสวรรค์ก็เหมือนความคิดพิเศษๆความสามารถพิเศษๆในเลือดเนื้อเชื้อไขของเรา เราคิดมันได้แต่หากขี้เกียจหรือมองข้ามมันไป มันก็แทบไม่มีประโยชน์ แทนที่จะนำมันมาใช้ ผมมีความคิดเสมอว่าตนเองสามารถทำได้เรื่องนู้นเรื่องนี้ แต่ที่ผ่านมาก็ไม่ได้ตั้งใจแสดงมันออกมาจริงๆสักที (ขี้เกียจแต่ชอบคิด) แต่เมื่อผมเห็นสิ่งที่ คริสเตียนโน่ ทำผมกลับมาทำบ้างมันสะสมทุกวันๆเข้าจนกลายเป็นผลลัพท์ ซึ่งผมโคตรจะเข้าใจดีในจิตวิญญาณผู้ชนะของเขาในโลกฟุตบอลและอาชีพ

4.ซุปเปอร์สตาร์
คริสเตียนโน่ทำให้ผมสัมผัสได้ถึงคำว่า “SuperStar” อย่างแท้จริง ซุปเปอร์สตาร์สำหรับอุดมคติของผมต้องเป็นบุคคลที่เพอเฟคสุดๆ คริสเตียนโน่ มาจากครอบครัวกลางๆในโปรตุเกสและทำมาจนถึงตอนนี้ กลายเป็นหนึ่งในนักกีฬาที่มีรายได้และมูลค่าเยอะอันดับต้นๆรายโลกใบโลก คุณลองคิดดูว่ากว่าจะได้มามันโตครจะยากขนาดไหน
เขามีบ้านหรือคฤหาสน์หรู กี่ที่ก็ไม่รู้ รถหรูกี่คันก็ไม่รู้ (หลายร้อยล้านบาท) ออร่าของเขามันคือซุปเปอร์อย่างแท้จริงคือ เท่ห์สุดๆอันนี้ขอใช้คำตรงๆ หน้าตา ร่างกาย ไลฟ์สไตล์ คือ สุดยอดซุปเปอร์สตาร์ของโลกใบนี้เลยหละ (สำหรับผมนะ) และทัศนคติที่ทุกอย่างที่เขามีวันนี้มีจากจุดเริ่มต้นของเขาคือ ครอบครัว “คุณรู้ไหมผมมีทุกอย่างในวันนี้อย่างชื่อเสียง ความมั่งคั่ง นาฬิกาหรู รถหรู และเงินหลักพันล้านบาท คุณรู้ไหมสิ่งเหล่านี้เริ่มต้นจากครอบครัวของคุณที่อยู่ข้างคุณมาเสมอ ผมให้ความสำคัญต่อครอบครัวมากๆเหมือนรากของต้นไม้และแกนของชีวิต” (พี่โด้กล่าวไว้ในบทสัมภาษณ์นึง + ผมขยายให้เข้าใจมากขึ้น) นั่นแหละครับคำว่า “ซุปเปอร์สตาร์” ในความรู้สึกของผม (อิอิ)

5.แฟนลิเวอร์พูลไม่เกลียด
ผมแอบชอบโรนัลโด้มานานมากๆแล้วตั้งแต่เล่นให้แมนยูฯ – มาดริด – จนตอนนี้นั่นแหละ แต่ผมไม่อยากแสดงมันออกมามากด้วยความที่เป็นแฟนลิเวอร์พูลแบบเต็มเหนี่ยวด้วย แต่ในวันที่ ลิเวอร์พูล พบ แมนยูฯ ฤดูกาลก่อน (2021/22) ที่พี่โด้ลูกเสียลูกไปตั้งแต่แฟนสาวยังไม่คลอด (อันนี้ผมไม่มีข้อมูลชัดเจน+ขี้เกียจหา) นาทีที่ 7 ของเกมแฟนบอลลิเวอร์พูลที่แอนฟิลยืนปรบมือให้รวมถึง เยอร์เก้น คร็อป ด้วยบวกกับแฟนบอลลิวเอร์พูลกลุ่มนึงชูเสื้อ RONALDO 7 น่าจะเสื้อแมนยูฯ ด้วยซ้ำมันทำให้ผมอมยิ้มมากๆในวันนั้น และทำให้ผมเข้าใจดีแล้วว่า เขาเป็นนักเตะระดับโลกจริงๆ ก้าวผ่านความเกลียดชังระหว่าง 2 สโมสรไปแล้ว ทำให้ผมไม่ได้คิดไปคนเดียวว่า “กูเป็นแฟนลิเวอร์พูลที่เสพโด้เยอะไปแล้วเขิลๆป่าววะ อืมตกลงไม่ 555 ” หลายๆคน (แฟนลิเวอร์พูล) คงเห็นอะไรในพี่โด้คล้ายๆผมอยู้บ้างแหละมั้ง

6.บทแถม
เรื่องราวต่างๆมากมายที่คุณสามารถเห็นจากเขาได้ไม่ว่าเรื่องความคิดทั่วไป ครอบครัว ความรับผิดชอบ การอุทิศวินัยให้การออกกำลังกายและอาชีพนักฟุตบอลผมอยากให้เพื่อนๆดูคลิปนี้ ค้นหาใน Youtube พิมพ์ว่า “Cristiano Ronaldo’s Will Leave You SPEECHLESS | One of the Best Motivational Video” หรือใครใจดีก็แปะให้หน่อยนะครับ

ในเรื่องปัญหา
1.(เดาใจ) คริสเตียนโน่ คงรอจังหวะนี้มานานแล้วที่จะออกมาบอกทุกคนในความคิดของเขา เขายังคงคิดว่าเขายังมีความสำคัญและความสามารถระดับสูงอยู่แม้โครงสร้างทีมและการเล่นยังไม่เอื้อเสียเท่าไหร่ เขาไม่ได้รับมันจาก เอริค เทนฮาก โค้ชแมนยูฯปัจจุบัน (2022) ส่วนตัวผมไม่เอริค แม้แต่น้อย เขามีสิทธิและอำนาจการคุมทีม 100% เขาต้องเลือกเลยหละว่า Team Work ความสมดุลทีมสร้างทีม หรือปั่นพี่โด้ให้ไปสุดโต่ง แน่นอน กุนซือน้ำดีอย่าง เอริค เทนฮาก เลือกทำทีมสิครับ ตัดพี่โด้ออกแบบไม่ใยดี และพี่โด้เองก็งอแงเรื่องการย้ายทีมด้วยเมื่อซัมเมอร์ก่อน ผมเข้าใจดีทั้งสองฝ่าย คนนึงแบกความสำเร็จทั้งชีวิตมากมาย คนนึงแบกหน้าที่การงานระยะยาว รวมถึงความกดดัน ความเครียดในงาน มันเลยออกมาแบบนี้ แต่บทสัมภาษณ์ โดยส่วนตัวผมมองว่าไม่ดี ภาพลบไปหน่อยพี่โด้ออกอารมณ์มากไป (ซึ่งไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างข้อนี้) มองในมุมผมนะ ด้วยความพยายามของเขาในการฝึกซ้อม เหมือนคนทำงานหนักๆๆๆๆๆๆๆ ทุกวันและกระหายมากๆ และฝันร้ายที่ไม่ได้เป็นดั่งวันเก่าๆที่เคยสำเร็จในระดับสูงมากๆ มันก็ระเบิดอารมณ์ออกมา แน่นอนสิ่งที่เขาจะได้รับที่คำพูดแย่ๆจากแฟนแมนยูฯต่อเขาอันนี้ก็เข้าใจได้ แฟนบอลก็รักทีมของเขาอะนะ แต่พี่โด้ถ้าสัมภาษณ์ให้ดีหน่อยก็เหมือนฝืนความรู้สึกลึกๆของตนเองแหละ คนเราเป็นมนุษย์ ความคิดผมนะ ไม่ได้พระเอกขนาดโอเวอร์แบบนั้น

2.เขาไม่ใช่แมนยูไนเต็ด เขาเป็นนักฟุตบอลในประวัติศาสตร์โลก
อันนี้ในความคิดส่วนตัวของผมล้วนๆนะครับ เหมือนบทละครที่ถูกเขียนมาเลย มาจากทีมเล็กๆในยุโรปอย่าง “สปอร์ติงลิสบอน” มาสู่ แมนยูฯ สำเร็จอย่างสูงสุดที่มาดริด และค่อยๆลงมาที่ ยูเว่ (ตอนนั้นผมทราบแล้วละว่ามาถึงกราฟขาลงอย่างสมบูรณ์เพราะทรัพยากรผู้เล่นและแผนมาดริดเอื้อต่อเขามากๆ) และมาแมนยูฯ(รอบ 2) แต่ผมก็เข้าใจในระยะเวลาที่เล่นให้กับแมนยูฯ มันก็เหมือนคนรักกันทำในสิ่งเดียวๆกันนั้นแหละ แต่สุดท้ายกลับมารักกันใหม่แต่สิ่งต่างๆรอบๆมันเปลี่ยนไปแล้ว ไม่เหมือนเก่าผมอยากให้เพื่อนๆเข้าใจจุดนี้เหมือนกัน และธรรมชาติพาให้มาแตกหักสะงั้น แต่เชื่อผมเถอะเมื่อวันที่เขาเลิกเล่นแล้วพวกคุณ (แฟนแมนยูฯ) จะยังรักเขานั่นแหละตอนนี้มันเป็นความรู้สึกของการทำงานล้วนๆ ทีมกำลังไปต่อ แต่เมื่อสิ้นสุดลงเชื่อเถอะ ลุกๆพวกคุณเกลียดเขาไม่ลงหรอก …

ความรู้สึกของผมต่อนักฟุตบอลที่ชื่อ คริสเตียนโน่ โรนัลโด้ ก็ประมาณนี้แหละ
ขอขอบพระคุณมากๆที่อดทนอ่าน ผมทั้งคิดจิตนาการและพิมพ์อยู่ราวๆ 2 ช.ม.ถึงจะได้ แต่ก็รู้สึกดีครับ

รูปเพิ่มเติม แรงบัลดาลใจ





Source link