BLOG TOPIC_A
โปรโมชั่นลดจากเดิม 30% (ไม่รับโฆษณาผิดกฏหมายทุกประเภท)
จากเดิมข่าวใหญ่สุดช่วงหัวค่ำของแฟน “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เป็นการโคจรมาพบกับคู่รักคู่แค้น เรอัล มาดริด แต่ชั่วโมงเศษๆถูกกลบโดยข่าว FSG ประกาศฟ้าผ่าหาคนซื้อสโมสร
บางแหล่งก็บอกว่า จอห์น เฮนรี่ แค่มองหาผู้ร่วมทุนแต่ก็พร้อมรับฟังทุกข้อเสนอที่จะขายขาด (หากเงินถึงจริง)
มีปัจจัยร้อยแปดพันเก่าที่เราจะตีความถึงเหตุผลที่ FSG ที่ครอบครอง “หงส์แดง” มาตั้งแต่ตุลาคม 2010 หรือ 12 ปี (ซึ่งถือว่าไม่นานเลย) จู่ๆประกาศออกมาเช่นนี้
แต่สิ่งนึงที่ปฏิเสธไม่ได้คือ เฮนรี่ และผองเพื่อนไม่ popular ในหมู่เดอะ ค็อป เอาซะเลยในช่วงปีสองปีที่ผ่านมา
ล่าสุดเสียง “FSG OUT” ดังกังวาลขึ้นอีกครั้งเมื่อผลลัพท์จากการให้งบเสริมทัพให้ เยอร์เก้น คล็อปป์ แค่ตัวเดียวแล้ว “ปิดตลาด” จนอันดับดิ่งอยู่กลางตารางแพ้ทั้งบ๊วยและรองบ๊วย
การต่อยอดความสำเร็จจากวันเวลาที่คว้าแชมป์ UCL และพรีเมียร์ลีกรวมถึงดับเบิ้ล แชมป์เมื่อซีซั่นที่แล้วไม่สมน้ำสมเนื้อสมเกียรติเลยจริงๆ
แค่ซัมเมอร์ที่ผ่านมาลงทุนน้อยกว่าทีมอย่าง ฟอเรสต์, เวสต์แฮม หรือ วูลฟ์แฮมป์ตัน ทำให้ เดอะ ค็อป ไม่สบอารมณ์เป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วย
สื่อผู้ดีวิเคราะห์เบื้องต้นว่าแผนการกำเนิดซูเปอร์ลีกที่ดันเกิดเหตุการณ์ “รถผ้าป่าคว่ำ” เป็นสารตั้งต้นแรก
รายการนี้ FSG วาดฝันไปไกลเพราะ 12 ทีมที่เข้าร่วมแข่งขันเอาเงินเกือบ 500 ล้านยูโรไปแบ่งกันและอีก 500 กว่าล้านที่เหลือขึ้นอยู่กับผลการแข่งขัน เป็น passive income ที่ได้แน่ๆทุกปีตามสไตล์แฟรนไชส์อเมริกันเกมส์ (ไม่ต้องกังวลหลุดโควต้า top 4)
ทีมที่คว้าแชมป์รับเน้นๆ 400 ล้านยูโรซึ่งมากกว่าแชมป์ UCL ที่ได้แค่ 120 ล้านปอนด์แต่ท้ายที่สุดถูกต่อต้านจากทุกฝ่ายรวมถึงแฟนบอลตัวเองจนต้องออกมาแถลงขอโทษมีรอยร้าวในใจเกิดขึ้นตั้งแต่นั้น
ในขณะที่การเทคโอเวอร์ เชลซี ของ ท็อดด์ โบลีย์ ด้วยวงเงิน 5 พันล้านปอนด์ทำให้ FSG ตกผลึกว่าขายตอนที่ “พีค” สุดเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด
เฮนรี่ น่าจะมองไปถึงการต้องอัดฉีดลงทุนกับขุมกำลัง “หงส์แดง” เพื่อสู้ศึกในประเทศอีกขนานใหญ่ การเข้ามาแย่งเค้กก้อนโตของ นิวคาสเซิ่ล ยิ่งทำให้การแข่งขันเข้มข้นต้องใช้เงินอีกมหาศาล
ปัญหานักเตะอายุ 30+ ในทีมเกินครึ่งนั่นหมายถึงว่าต้องใช้เงินอีกเยอะมากในการ rebuild ในขณะเดียวกันเงิน “พิเศษ” จาก UCL ในซีซั่นหน้ายังลูกผีลูกคนและมีแนวโน้มสุ่มเสี่ยงแห้วสูง
ทั้งหมดทั้งมวล FSG คำนวณตามประสานักธุรกิจไม่ขายตอนนี้จะไปขายตอนไหน?
เทคโอเวอร์ต่อจาก “ปลิงมะกัน” แค่ 300 ล้านปอนด์แค่อีก 12 ปีต่อมาแบรนด์ ลิเวอร์พูล ถูก ฟอร์บส์ ประเมินมูลค่าไว้สูงถึง 4 พันล้านปอนด์
เป็นดีลฟันกำไรหัวแบะที่นักธุรกิจยากจะปฏิเสธจริงๆ
มัลติเวิร์สของ เฮนรี่ มีเยอะครับ นอกจากเป็นเจ้าของ บอสตัน เรด ซ็อกส์ ทีมเบสบอลแล้วยังครอบครัง NESN เครือข่ายทีวี, เป็นเจ้าของร่วม 50% ของ Roush Fenway Racing และ Fenway Sports Management
FSG เคยต่อยอดธุรกิจของตัวเองเมื่อปีที่แล้วด้วยการขายหุ้น 11% ให้ RedBird Capital Partners ได้เงินไปมากกว่า 655 ล้านปอนด์และหอบไปกว้านซื้อหุ้นทีมฮ็อคกี้ NHL
เราจะเห็นได้ว่าต่อให้เศรษฐีที่ครั้งนึงเคยโอบอุ้มสโมสรให้รอดพ้นจากคำว่า “ล้มละลาย” (ซึ่งเราในฐานะแฟนบอลก็ขอบคุณจากใจ) แต่ FSG ไม่ใช่พ่อพระที่จะลงทุนโดยไม่ได้อะไรตอบแทนกลับไป
FSG เคยพลาดโอกาสซื้อใจแฟนบอลในช่วงโควิดหลังประกาศพักงานสต๊าฟทุกคน (ไม่รวมนักเตะ) เพื่อที่ตัวเองจะได้เข้าร่วมโครงการของรัฐบาลและจ่ายเงินเดือนช่วงพักงาน 20% โดยอีก 80% เป็นหน้าที่ของรัฐ
ช่วงเวลานั้นไม่ใช่แค่ ลิเวอร์พูล มีหลายสโมสรที่ขานรับนโยบายช่วยเหลือของรัฐบาลแต่ถูกแฟนบอลโจมตีอย่างหนักเพราะนักเตะและผู้จัดการทีมที่เงินเดือนมากกว่าแต่ไม่ยอมเสียสละแต่เลือกปัดภาระกับกลุ่มสต๊าฟที่ค่าจ้างพูดได้ว่าเป็นแค่ “เศษเสี้ยว”
ในท้ายที่สุด FSG ส่ง ปีเตอร์ มัวร์ CEO ออกมาขอโทษก่อนถอนตัวจากการช่วยเหลือของรัฐบาล
เป็นดีเทลเล็กๆในมุมของนักธุรกิจแต่สำหรับ เดอะ ค็อป ที่ให้ใจสโมสรมาหลายยุคหลายสมัยเขามองเป็นเรื่อง “ใหญ่”
ครับตอนนี้ 2 สถาบันการเงินอย่าง Goldman Sachs และ Morgan Stanley ถูกจ้างเข้ามาช่วยเหลือดำเนินขั้นตอนอย่างจริงจังแล้ว
กระแสในทวิตเตอร์ ณ ตอนนี้เป็นไปในทิศทางเดียวกันคือ “แฮปปี้” ที่จะมีการเปลี่ยนเจ้าของ บางคนถึงกับบอกว่ารอวันนี้มานานแล้ว
แต่ดีใจตอนนี้มันเร็วเกินไปป่ะครับ
ปัญหาไม่ได้จบแค่คนเก่าสะบัดตูด คนใหม่เขาคือใครสำคัญมากกว่าเพราะ FSG เขามองแค่ว่าได้เงินตามที่ต้องการเรื่อง new owner รักสโมสรจริงหรือมาเป็นปลิงเวอร์ชั่นใหม่ “โนสนโนแคร์”
มีการโหวตในทวิตของ Liverpool edition ที่หัวข้อง่ายๆเลยคือแฟนหงส์ “โอ” ไหมหากเจ้าของใหม่เป็นชาว “อาหรับ”
“โอ” ถล่มทลาย 65%
การเทคโอเวอร์สโมสร 2 ครั้งหลังสุดเกิดขึ้นโดยชาวอเมริกันซึ่ง เดอะ ค็อป มองเห็นแล้วว่าสุดท้ายเข้าอีหรอบเดิมเพราะไม่ได้ “เติมทรู” จริงๆจังๆแต่มาจากการขายผู้เล่นหักลบกลบหนี้แล้วแทบไม่ได้ควักอะไรซักเท่าไหร่
ยิ่งเห็นความเจริญที่เศรษฐีน้ำมันจัดเต็มจน แมนฯซิตี้ ก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของประเทศหรือล่าสุด นิวคาสเซิ่ล ที่กำลังจะเดินตามรอย (รายหลังติดเรื่องกฏการเงินเลยยังไม่เห็นภาพชัดเท่าไหร่)
แฟนหงส์ฝันอยากร่วมเป็นหนึ่งในบรรดา OIL club มานานแล้วครับและถ้าเกิดขึ้นจริงจะเป็นยุคที่โหดสัสหรัสเซียอย่างไม่ต้องสัยหากพิจารณาจากการที่ JK กัดฟัาคิดสูตรสู้กับ “เรือใบ” มาหลายปีจนกระทั่งยางแตกในซีซั่นนี้
ข้อสังเกตคือ timing ในการประกาศขายไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ผมมองว่าปล่อยให้จบพรีเมียร์ลีกนัดสุดท้ายสุดสัปดาห์นี้ยังได้เลยหากมองในเรื่องผลกระทบต่อสมาธิของทั้งนักฟุตบอลและตัวผู้จัดการทีม/สต๊าฟ
จากนี้คงติดตามกันต่อไปว่าการขายสโมสร ลิเวอร์พูล เปลี่ยนมือไปอยู่ที่ใครและอนาคตจะสวยหรูตามที่ฝันเอาไว้หรือไม่
ขอวิงวอน FSG ช่วยอำลาสวยๆจัดนายใหม่แบบท่านชีคอีกซักคนจะขอบคุณมากครับ…
แก้ไขล่าสุดโดย เบน ฟรีคิก เมื่อ Tue Nov 08, 2022 04:16, ทั้งหมด 4 ครั้ง